การถลุงแร่เหล็กด้วยวิธีลดออกซิเจนโดยตรงเกิดขึ้นก่อนการถลุงด้วยเตาถลุงแบบพ่นลม
ปัจจุบันมีปริมาณเหล็กถลุงที่ผลิตโดยวิธีนี้ไม่เกินร้อยละ ๒
ของปริมาณเหล็กถลุงทั้งหมดในโลก เม็กซิโกเป็นประเทศที่ผลิตมากที่สุด
มีโรงงานหลายโรงที่มีกำลังผลิตเหล็กถลุงวันละ ๔๕๐ ตัน
เหล็กถลุงที่ผลิตได้จากวิธีนี้มีลักษณะเป็นเม็ดเล็กๆ
เมื่อขยายดูจะเห็นเป็นรูพรุนโดยรอบ ลักษณะคล้ายรูที่เกิดขึ้นในฟองน้ำจึงมักเรียกว่า
เหล็กพรุน (sponge iron)
การผลิตเหล็กพรุนแตกต่างจากการผลิตเหล็กถลุงโดยใช้เตาถลุงแบบพ่นลม
คือต้องบดแร่เหล็กให้ละเอียดขนาด ๑๑.๕ มิลลิเมตร เชื้อเพลิงที่ใช้โดยทั่วไปคือ
ก๊าซมีเทน ซึ่งแยกออกจากก๊าซธรรมชาติ หรือก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ กับก๊าซไฮโดรเจน
ก๊าซเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นเชื้อเพลิงให้เกิดความร้อนสูง
และทำให้เกิดปฏิกิริยาลดออกซิเจน
แร่เหล็กที่บดแล้วจะไหลเข้าไปในเครื่องปฏิกรณ์ (reactor) ก๊าซที่ได้จากหอความร้อน
(heating tower)จะไหลเข้าไปในเครื่องปฏิกรณ์
ทำปฏิกิริยากับแร่เหล็กได้เป็นเหล็กพรุนออกมา
แร่เหล็กต้องทำปฏิกิริยาในเครื่องปฏิกรณ์นานประมาณ ๑๐-๑๔ ชั่วโมงแร่เหล็ก ๑๐๐
ตันจะได้เหล็กพรุน ๖๐-๖๕ ตัน เหล็กพรุน ๑ ตัน ต้องใช้ก๊าซมีเทน ๗๖๐-๘๐๐
ลูกบาศก์เมตร เหล็กพรุนจะมีปริมาณกำมะถันต่ำกว่าเหล็กถลุงที่ได้จากเตาถลุงแบบพ่นลม
เพราะกำมะถันในแร่เหล็กถูกกำจัดโดยปฏิกิริยาการลดออกซิเจนเหล็กพรุนที่ได้นี้จะนำไปทำเป็นเหล็กกล้าต่อไป
การผลิตเหล็กพรุนเหมาะกับแหล่งที่มีก๊าซธรรมชาติ หรือคาร์บอนมอนอกไซด์เป็นปริมาณมาก
ประ-เทศไทยมีโครงการที่จะผลิตเหล็กพรุนโดยใช้ก๊าซธรรมชาติที่พบในอ่าวไทย
โดยโครงการนี้มีแผนจะตั้งโรงงานในบริเวณนิคมอุตสาหกรรมชายฝั่งทะเลตะวันออก
[กลับหัวข้อหลัก]
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น